ในการ ตรวจวัดข้อมูล
ของพื้นผิวโลกหรือชั้นบรรยากาศ จากระยะไกล มักทำโดยใช้
อุปกรณ์การตรวจวัดที่ติดตั้งไว้บน สถานีติดตั้ง (platform) ซึ่งอยู่สูงจากผิวโลกพอควร
เช่น เครื่องบิน บอลลูน หรือ บนดาวเทียม
ซึ่งจะทำให้มันสามารถสำรวจผิวโลกได้เป็นพื้นที่กว้าง
ในการทำงาน อุปกรณ์ดังกล่าวจะตรวจวัด ความเข้ม
ของรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EM Wave) ที่ ออกมา
จากวัตถุที่มันกำลังมองดูอยู่เป็นหลัก และบันทึกผลไว้ในหน่วย
กำลังต่อพื้นที่ต่อมุมตันที่มอง หรือ Watt/m2.sr ซึ่งจะเป็น ความเข้มเฉลี่ย ของรังสี ในกรอบการมอง แต่ละครั้ง บนผิวโลก (target
area)
ทั้งนี้ รังสี ที่ออกมาจากพื้นที่สำรวจ ซึ่งเครื่องวัดได้
ในแต่ละครั้ง ดังกล่าว จะมีที่มาจาก 3 แหล่ง หลัก คือ
1.
รังสีที่ตัววัตถุแผ่ออกมาเองตามธรรมชาติ (radiation หรือ emission)
2.
แสงอาทิตย์ที่สะท้อนออกมาจากผิวของวัตถุ (reflected sunlight) และ
3.
รังสีสะท้อนจากตัววัตถุ ที่ส่งมาจากตัวเครื่องตรวจวัดเอง (reflected sensor’s signal)
โดยทั่วไป อุปกรณ์ตรวจวัดแต่ละตัว
มักจะถูกออกแบบมาให้ตรวจวัดได้ ดีที่สุด ในช่วงความยาวคลื่นแคบ ๆ ช่วงหนึ่งเท่านั้น
เรียกว่าเป็น ช่วงคลื่นของการตรวจวัด (spectral range) หรือ แบนด์ (band)
ของอุปกรณ์
ซึ่งที่พบมากมักอยู่ใน ช่วง UV
ช่วงแสงขาว
ช่วงอินฟราเรด และ
ของสเปกตรัมคลื่น EM
ลักษณะของการตรวจวัด รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ในระบบการตรวจวัดจากระยะไกล
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ประกอบด้วยคลื่นไฟฟ้า(Electromagnetic Spectrum :E) และคลื่นแม่เหล็ก(M) ที่ตั้งฉากกับทิศทางการเคลื่อนที่
แถบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ในช่วงคลื่นสั้นที่สุดตั้งแต่รังสีแกรมม่า
เอกซเรย์ อัลตราไวโอเลต ช่วงคลื่นเห็นได้ อินฟราเรด ไมโครเวฟ และคลื่นวิทยุ
ตารางความยาวช่วงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่างๆที่ถูกบันทึกด้วยอุปกรณ์สำรวจจากระยะ
เอกสารอ้างอิง
เอกสารประกอบการศึกษา รายวิชา 876211 การสำรวจจากระยะไกล 1 (Remote Sensing 1)
โดย อาจารย์นฤมล อินทรวิเชียร
และ http://www.scitu.net/gcom/?p=784
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น